2553-09-24

กาแฟสไตอิตาลี

เนื่องจากในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนีอไม่ได้ผลิตกาแฟ
ดังนั้นกาแฟสไตล์อิตาลีและกาแฟสไตล์อเมริกาที่กล่าวถึงกัน
โดยทั่วไปจึงหมายถึง วิธีการชงกาแฟ กาแฟสไตล์อิตาลี
เนื่องจากมีวิธีการชงที่รวดเร็ว จึงกลายเป็นวิธีชงกาแฟที่นิยม
กันทั่วโลกในปัจจุบัน

คำว่า เอสเพรสโซ่ (Espresso) เป็นภาษาอิตาลีมีความ
หมายว่ารวดเร็ว กาแฟสไตล์อิตาลีก็คือกาแฟที่ชงอย่างรวดเร็ว
โดยใช้แรงดันสูง กาแฟสไตล์อิตาลีโดยทั่วไปจะใช้เครื่องชง
กาแฟสไตลอิตาลี ใช้แรงดันสูง (ประมาณ 9-12 บาร์) ใช้เวลา
ประมาณ 20-30 วินาที ก็ชงเอสเพรสโซ่ปริมาณ 3o cc ได้แล้ว
ดังนั้นกาแฟที่ชงออกมาจึงเข้มข้นมาก ในไต้หวันนำคำว่า
เอสเพรสโซ่มาแปลว่ากาแฟเข้มข้นสไตล์อิตาลี
กาแฟที่ใช้ในการชงกาแฟสไตล์อิตาลีโดยทั่วไปจะใช้
เมล็ดเบลนด์คอฟฟี่สไตล์อิตาลี เนื่องจากมีการคั่วและส่วน
ประกอบที่แตกต่างกัน จึงสามารถแบ่งกาแฟสไตล์อิตาลีตาม
รสชาติได้เป็นอิตาลีเหนือและอิตาลีใต้ โดยรวมแล้วรสชาติ
เมล็ดกาแฟของอิตาลีเหนือจะนุ่มละมุน มีรสเปรี้ยวแบบผลไม้
ส่วนอิตาลีใต้จะมีรสชาติเด่นชัด เข้มข้นและค่อนข้างขม
เนื่องจากเครื่องชงกาแฟสไตล์อิตาลีให้แรงดันสูงผ่านผง
กาแฟที่บดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อสกัดเป็นน้ำกาแฟออกมา
ดังนั้นเวลาชงกาแฟโดยใช้เครื่องชงกาแฟสไตล์อิตาลีจึงต้อง
ใช้ผงกาแฟที่บดละเอียดมาก

ในขั้นตอนการชงกาเเฟสไตล์อิตาลีจะมีส่วนของน้ำมัน
หอมระเหยออกมาเป็นเครม่า (crema) ซึ่งไม่มีอยู่ในการชง
แบบหยด โดยเฉพาะกลิ่นหอมเข้มข้นบวกกับการชงอย่าง
รวดเร็วด้วยแรงดันสูง ทำให้คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟออกมา
น้อย ดังนั้นเอสเพรสโซ่จึงมีคาเฟอีนค่อนข้างน้อย
เครื่องดื่มกาแฟสไตล์อิตาลีที่เป็นที่นิยมกันโดยทั่วไปจะใช้
เอสเพรสโซ่เป็นพื้นฐาน แล้วเติมนมและโฟมนมลงไป ที่พบ
บ่อยๆ ก็ เช่น คาปูชิโน่ ลาเต้ คาเฟ่โอเล่ มอคค่า มัคคีอาโต
เป็นต้น และมีอีกหลากหลายชนิด เมื่อบวกกับเทคนิคการวาด
ลวดลายของบาริสต้าด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้กาแฟสไตล์อิตาลีน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

2553-09-16

รูปแบบร้านกาแฟ

ร้านกาแฟ

คุณต้องกำหนดว่า ร้านกาแฟที่อยากเปิดจะเป็นแบบใด ในใจของคุณจะต้องมีแผนผังร้านกาแฟเป็นของตัวเองอย่าง แน่นอน ถ้ายังไม่มีแผนผังที่ชัดเจน มีแค่ความคิดเลือนราง ไม่สมบูรณ์ หรือยังอยู่แค่ในช่วงการสร้างความฝันแต่ยังไม่กล้าพูดออกมาก็ไม่เป็นไร ยิ่งใช้เวลาวางแผนนานก็จะยิ่งมีแผนผัง ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

จากรูปแบบร้านกาแฟของไต้หวันในปัจจุบัน สามารถแบ่งประเภทของร้านกาแฟแบบกว้างๆ ได้ดังนี้

1.ร้านกาแฟแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะ
สิ่งที่ร้านกาแฟแบบนี้ขายคือ “กาแฟ” และ “พื้นที่บทบาทของมันคือการเป็นผู้จำหน่ายพื้นที่ จัดพื้นที่ให้ให้ลูกค้า พักผ่อน ครุ่นคิด หาเพื่อนไปพร้อมกับการเพลิดเพลินกับกาแฟรสชาติ ดี สินค้าหลักของร้านกาแฟแบบนี้ก็คือกาแฟ โดยส่วนมากแล้วเจ้าของร้านจะชอบกาแฟ ให้ความสำคัญกับเทคนิคการ ชงกาแฟ รสชาติกาแฟ เห็นว่าการชงกาแฟหนึ่งถ้วยเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ทำให้ร้านแห่งนี้มีรูปแบบเเละจุดเด่นเป็นของตัวเอง ซึ่งจะมีผู้สนับสนุนและแขกประจำอยู่กลุ่มหนึ่ง

ร้านเหล่านั้นจะขายเฉพาะกานเฟ ไม่ขายอาหาร อย่างมากก็มีแค่อาหารว่างจำพวกบิสกิตที่ทำเองและเค้กนานาชนิดแซนด์วิช สลัด เป็นต้น บางร้านอาจจะขายเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟด้วย
จากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน การทีร้านกาแฟลักษณะนี้จะอยู่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นจึงต้องสร้างร้านกาแฟให้โดดเด่น ละเอียดอ่อนและแตกต่าง จงจะสามารถอยุ่รอดได้ในตลาด ในระยะยาวได้

2.ร้านที่ขายกาแฟโดยเฉพาะ
เมื่อเดินเข้าไปในร้านประภทนี้ เพียงแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นสถานที่ที่ขายกาแฟ นอกจากจะสามารถดื่มกาแฟให้แล้ว ยังสามารถหาซื้อเครื่องชงกาแฟ เมล็ดกาแฟ ของใช้เกี่ยวกับ กาแฟ รวมถึงภาชนะต่างๆ ได้อีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าเป็นร้าน ที่ขายเฉพาะกาแฟจริงๆ ร้านเหล่านี้ล้วนเป็นร้านแบบตั้งเดิมทีขายกาแฟโดยเฉพาะ กาแฟที่ขายเป็นกาแฟที่ใช้วิธีชงมือแบบ ดั้งเดิม

กลุ่มเป้าหมายก็เป็นกลุ่มคนที่มีอายุมากแล้วร้านเหล่านั้นมีจุดเด่นอยู่อย่างหนึ่งคือ นอกจากจะขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟและการชงกาแฟแล้ว กิจการสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพวกเขาก็คือการคั่วกาแฟ เนื่องจากต้องคั่วเมล็ดกาแฟด้วยตัวเองเพื่อขายให้กับลูกค้าและร้านกาแฟ ต่างๆ ดังนั้นในร้านจึงเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของการคั่วเมล็ดกาแฟอยู่ตลอดเวลา

3.ร้านกาแฟแบบสวนดอกไม้
ร้านกาแฟแบบสวนดอกไม้ต้องมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างจึงจะสร้างทิวทัศน์สีเขียวขจีได้ ร้านกาแฟ
แบบสวนดอกไม้หลายแห่งจึงจาหน่ายอาหารด้วยเพื่อสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ผู้บริโภคอยู่ในสวนดอกไม้เพลิดเพลินกับอาหารรสอร่อยไปพร้อมกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ดังนั้นอาหารที่โดดเด่นและสวนดอกไม้ที่มีเอกลักษณีจึงเป็น จุดขายสำคัญในการดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ทีวทัศน์สวนดอกไม้ของร้านกาแฟประเภทนี้ก็ เป็นจุดเด่นอีกอยางหนึ่งด้วย สวนดอกไม้หรือการสร้างสวนไว้หน้าร้านกาแฟนั้น ก่อนสร้าง
สวนจะต้องคีดให้ดีเสียก่อนว่า ตัวเจ้าของร้านจะดูแลได้หรือเปล่า หรือจะหาคนมาดูแลรักษาสวนในระยะยาวได้หรือไม่เพราะการปลูกดอกไม้หรือต้นไม้นั้นไม่ใช่เรี่องง่ายเลยที่จะดูแลให้ดี ถ้าดูแลไม่ดี สวนดอกไม้ก็อาจจะรกร้างได้ตั้งแต่ครึ่งปีแรกหรือสามเดือน ดอกไม้ต้นไม้เหี่ยวเฉา วัชพืชขึ้น ไม่เพียงแต่จะดึงดูดลูกค้าไม่ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ลูกค้ากลัวจนไม่กล้าเข้าร้านและกลายเป็นข้อเสียอีกด้วย

4.ร้านกาแฟแบบหอพัก
ร้านกาแฟแบบหอพักขายกาแฟและให้บริการที่พักด้วยจึงกลายเป็นกระแสนิยม ในแต่ละพื้นที่ของไต้หวันมีร้านกาแฟแบบหอพักมากมายนับไม่ถ้วน ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างร้านกาแฟแบบหอพักกับหอพักทั่วๆ ไปก็คือ ร้านกาแฟแบบหอพักจะขายรสชาติกาแฟเป็นหลัก และเปิดที่ว่างในร้านกาแฟให้แขกพัก ส่วนหอพักทั่วๆ ไปจะขายห้องพักและอาหารเป็นหลัก และจำหน่าย กาแฟกับเครื่องดื่มรองลงมา

5.ร้านกาแฟแบบผสมพสาน
การเปิดร้านแห่งหนึ่งสามารถทำการค้าได้เพียงอย่างเดียวหรือ? ถ้านำกิจการสองชนิดที่แตกต่างกันมารวมไว้ในร้านเดียวกันก็จะสามารถสนองความต้องการทั้งสองอย่างของลูกค้าไปได้พร้อมๆ กัน นี่ก็คือแนวคิดของการทำกิจการร้านกาแฟ แบบผสมผสาน จากแนวคิดนี้จึงมีการนากาแฟไปรวมกับกิจการอื่นๆ คือนอกจากจะขายกาแฟแล้วก็ยังตอบสนองความต้องการด้านอื่นๆ ของลูกค้าด้วย ถึงร้านกาแฟแบบนี้กำลังอยู่ในช่วงบุกเบิก
รูปแบบของร้านกาแฟแบบผสมผสานที่มักจะพบโดยทั่วไปจะเป็นร้านกาแฟกินดื่มที่ขายอาหาร กาแฟและเครื่องดื่มเป็นหลัก และยังอาจแบ่งเป็นอาหารจีน อาหารตะวันตกอาหารยุโรป อาหารณี่ปุ่น อาหารฝรั่งเศส เป็นต้น มีแบบที่รวมร้านกาแฟกับขนมเค้กและขนมปัง หรือรวมกับร้านขายดอกใม้ ร้านหนังสือ ร้านขาย CD เพลง ร้านขายของกระจุกกระจิก ร้านขายเสื้อผ้าหรือ ร้านขายผลงานศิลปะและแกลอรี่ เป็นต้น

**สิ่งทีต้องระวังในการเปิดร้านกาแฟแบบผสมผสาน

1.สินค้าต้องกลมกลืนกัน
2.พื้นที่ของร้านกาแฟต้องค่อนข้างใหญ่
3.ถ้ากิจการแตกต่างกันมาก บุคากรก็ต้องต่างกันด้วย


ที่มาหนังสือ คู่มือการเปิดร้านกาแหฉบับสมบรูณ์

2553-09-10

เลือกเครื่องทำกาแฟ

เครื่องชงกาแฟ
การซื้อเครื่องชง กาแฟ เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง หากคุณเป็นคนรักเอสเพรสโซแล้วล่ะก็ ควรใช้จ่ายเพื่อหวังผลในระยะยาว ไม่เพียง แต่จะไม่ได้ไปทุกที่เพื่อแก้ไข espresso ของคุณถ้าคุณหลงระเริงชงประจำเครื่องเร็ว ๆ นี้จะจ่ายค่าตัวเอง มีมากดังนั้นเครื่องเหล่านี้ในตลาด แต่อย่างไรก้ตามคุณต้องรู้จักเลือกเครื่องชงกาแฟที่เหมาะสำหรับคุณ?

เอสเพรสโซคืออะไร..

เครื่องชงกาแฟespresso ถูกสร้างขึ้นในมิลานอิตาลี ในราวศตวรรษที่20 กาแฟอิตาเลียนแบบดั้งเดิมให้บริการตามปกติใน 2 ออนซ์
ฟองที่สร้างโดยกระบวนการต้มเบียร์ เมล็ดกาแฟเอสเพรสโซที่ผ่านการคั่วนานกว่าปกติจึงปล่อยน้ำมันได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นการผ่านการบดเป็นผงละเอียด
เครื่องชงกาแฟจะยิงผ่านน้ำที่ 195 องศาฟาเรนไฮต์ (90 องศาเซนติเกรด) โดยใช้แรงดันที่จะผลักดันมันผ่านผงกาแฟสด ทำให้น้ำมันกาแฟถูกสกัดออกมา ได้ของเหลวที่เข้มข้นและสมบูรณ์
ปริมาณความดันหลังน้ำ จะมีผลต่อรสชาติของกาแฟนั้นๆ

ประเภทของเครื่องชงเอสเพรสโซ่

แบบที่ง่ายที่สุด อย่างน้อยผู้ผลิตเอสเพรสโซเป็นรุ่นบนเตาที่ใช้พลังงานไอน้ำและเครื่องไฟฟ้า pumpless รุ่นไฟฟ้า pumpless
มาปกติด้วยไอน้ำ ช่วยให้ฟองนมเพื่อให้คุณสามารถสนุกกับ cappuccinos, lattes, espresso และเมนูโปรดอื่นๆ

เครื่องแบบคาน Manual
สามารถหากิน แต่มักจะถูกใจคนรักเอสเพรสโซ แทนการใช้ไอน้ำหรือปั๊มเพื่อบังคับน้ำที่ผ่าน beans คุณใช้ใหญ่จับโลหะเพื่อดำเนินการ นี้น่าจะเป็นชนิดที่ท้าทายที่สุดของเครื่องใช้และสร้างก่อสม่ำเสมอ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็รัก เครื่องปั๊มไฟฟ้าจนกลายเป็นหนึ่งในพิมพ์นิยมที่สุด ของผู้ผลิตกาแฟทั้งในเชิงพาณิชย์และตลาดบ้าน ชนิดของเครื่องแบบนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุณหภูมิตามที่คุณต้องการน้ำและปริมาณของแรงดันที่คุณต้องการใช้ เมื่อผลักดันน้ำที่ผ่านเมล็ดกาแฟของคุณ

ผู้ผลิตกาแฟที่ดีที่สุด แต่เป็น super เครื่องปั๊มอัตโนมัติ ดัดแปลงมาจากเครื่องบดถั่ว, tamping กาแฟเป็นเด็กซนและในบางกรณีเช่นกลัว DeLonghi Magnifica แม้สะอาดตัวเอง
มันจะไม่หวานหา DeLonghi Espresso Maker นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ในครั้งต่อไปของคุณกระหาย espresso shot ที่สมบูรณ์แบบ

เครื่องชนิดไหนที่คุณเลือกและสนุกกับเอสเพรสโซถ้วยโปรดของคุณ

การชงกาแฟในแบบต่างๆ
1. การชงแบบ French Press
เป็นวิธีการชงที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส การชงแบบนี้เราเห็นได้ง่ายกว่าการชงแบบแรก วิธีชงก็ง่าย แค่เลือกกาแฟที่ต้องการใส่ลงในแก้วชง จากเทน้ำร้อนใส่ในแก้วที่มีก้าน รอประมาณ 4-5 นาที ก็กดก้านดันกากกาแฟให้ไปอยู่ก้นแก้ว รินกาแฟเติมนม ครีมหรือน้ำตาลตามชอบ วิธีนี้เป็นการชงที่สะดวกสบาย ง่าย ไม่เปลืองไฟฟ้า แต่เหมาะสำหรับการดื่มแค่ 1-2 คนเท่านั้น
คำแนะนำในการชงอุ่นอุปกรณ์ด้วยน้ำร้อน ตวงกาแฟบดประมาณ 10 - 12 กรัม ( ต่อกาแฟ 1 ถ้วย ) ลงในภาชนะ เติมน้ำร้อนเกือบเดือดประมาณ 200 - 240 มล. ลงบนกาแฟและคน ทิ้งไว้ประมาณ 4 นาที จากนั้นค่อย ๆ กดก้านกรองของภาชนะจนสุด รินดื่มได้ทันที

2. การชงกาแฟแบบ Drip
ซึ่งแยกได้เป็นแบบที่ใช้เครื่องกับแบบที่ไม่ใช้เครื่อง วิธีนี้จะนำกาแฟที่คั่วบดเรียบร้อยแล้วมาเทใส่กระดาษกรอง แล้วปล่อยให้น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟแล้วค่อยๆ หยดลงมาสู่โถรับกาแฟด้านล่าง จากนั้นจึงนำไปเสิร์ฟวิธีนี้จะเห็นได้บ่อยตามร้านอาหารที่มีเมนูกาแฟร้อนให้ทานตบ หรือเวลาไปสัมมนาตามโรงแรม ข้อดีคือสะดวก เหมาะสำหรับการเสิร์ฟกับปริมาณคนมากๆ แต่ก็มีข้อเสียคือ จะได้กาแฟที่มีความเข้มน้อย กลิ่นและความมันจะถูกกระดาษกรองดูดซึมไว้จนเสียรสชาติไป

คำแนะนำในการชง
สำหรับกาแฟ 1 ถ้วย : ตวงกาแฟบดประมาณ 10 - 12 กรัม ลงในกรวยกรอง หรือกระดาษกรอง เติมน้ำสะอาดเย็นประมาณ 200 - 240 มล. ลงในกระบอกน้ำหลังเครื่อง เปิดสวิทซ์และรอให้น้ำหยดผ่านกาแฟจนหมด รินดื่มได้ทันที (ไม่ควรตั้งเหยือกกาแฟไว้บนจานอุ่น นานเกิน 20 นาที)

3.การชงกาแฟโดยใช้เครื่อง Espresso Machine
วิธีนี้เป็นวิธีที่ร้านกาแฟนิยมใช้มากที่สุด เป็นการใช้ทั้งน้ำและไออัดผ่านเมล็ดกาแฟที่คั่วบดแล้วอย่างรวดเร็ว ทำให้ได้กาแฟเอสเพรสโซ่สีทองที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วร้าน เครื่องชงกาแฟแบบนี้มักมาพร้อมกับที่อุ่นนมและทำฟองนม ข้อดีคือถ่ายทอดรสชาติและจุดเด่นของกาแฟแต่ละชนิดออกมาได้ดีที่สุด แต่ก็มีข้อเสียก็คือราคาสูงมากๆ เริ่มต้นที่หลักหมื่นและอาจจะไปจบที่หลักล้านก็ได้...

คำแนะนำในการชง
ตวงกาแฟบดละเอียดประมาณ 7 กรัม สำหรับการทำหัวกาแฟเข้มข้น 1 ออนซ์ โดยใช้เวลาสกัดประมาณ 18 - 25 วินาที

2553-09-07

การเพิ่มมูลค่าให้ร้านกาแฟ

ร้านกาแฟสด













การเปิดร้านกาแฟสักแห่งแล้วสามารถทำให้ลูกค้ายินดีที่จะกลับมาใช้บริการอีกครั้ง จึงจะสามารถประสบความสำเร็จใน การดำเนินกิจการ ความพอใจของลูกค้าเป็นตัวแปรในการการกลับมาใช้บริการอีกครั้ง
จะทำอย่างไรให้ลูกค้าพึงพอใจ นอกจากความอร่อยของอาหารและเครื่องดื่ม ความสะดวก
สบายภายในร้าน บรรยากาศสบายๆ และคุณภาพการบริการที่ดีแล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การจัดวางเคาน์เตอร์ ความสะอาดของห้องน้ำ ฯลฯ ก็ต้องใส่ใจด้วยเช่นกัน จึงจะสามารถเพิ่มมูลค่าให้ร้านกาแฟได้ และทำให้ลูกค้าเต็มใจที่จะกลับมาที่ร้านอีกครั้ง

*ความตั้งใจของเจ้าของร้าน
ความใส่ใจต่อกาแฟหนึ่งถ้วยหรือแม้แต่ของหวานหนึ่งชิ้น สามารถดึงดูดให้ลูกค้าสัมผัสถึงรสชาติได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ลูกค้าเข้าร้านเพราะเห็นถึงิ ความตั้งใจและแนวคิดใหม่ๆ ของเจ้าของร้าน
เช่น กาแฟที่คิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษหรือขนมในร้านที่มีสูตรเฉพาะอร่อยไม่เหมือนใคร การเติมความคิดสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อเมนู จะทำให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความหอมเข้มข้นของกาแฟแล้ว ยังทำให้ลูกค้าหลงใหลในรสชาติขนมอีกด้วย ก็เหมือนกับแรงดึงดูดของยาเสพติด เมื่อดื่มแล้วจะติดใจ บิสกิตหรือขนมเค้กในร้านที่มีหลากหลายชนิดเจ้าของร้านต้องไปศึกษาและคิดค้น หรือทดลองหาสูตรใหม่ๆมาให้ลูกค้า เพื่อให้ได้รับความนิยมจากลู้กค้าเจ้าของร้านกาแฟต้องใส่ใจศึกษาสิ่งต่างๆเหล่านี้เพื่อเพื่อสร้างสรรค์เมนูทีมีรสชาติแปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง

้*ความสะอาดของเค้าท์เตอร์บาร์
ความสะอาดและปลอดภัยเป็นปัจจัยที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เพราะกาแฟเป็นกิจการเกี่ยวกับอาหารและเครืองดื่ม ถ้าลูกค้าเข้ามาดื่มกาแฟหรือทานอาพารแล้วมีสภาพแวดล้อมที่สกปรก
ไม่เป็นระเบียบ เวลาที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านจะรู้สึกไม่ดี และเชื่อได้ว่าลูกค้าจะไม่กลับมาอีกแน่ๆ
เคาน์เตอร์บาร์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของร้านกาแฟทุกแห่งสิ่งต่างๆที่อยู่บนเคาน์เตอร์จะต้องสะอาดและจัดให้เป็น ระเบียบ ต้องระมัดระวังแม้ึ้แต่รายละเอียดเล็กน้อย เช่น ผ้าขี้ริ้วและการวางถ้วยชามในอ่างล้างจาน เพื่อรอการทำความสะอาด หากมีห้องครัวก็ต้องระมัดระวังเรื่องสุขอนามัย ต้องทำให้ลูกค้ามองเห็นแต่ความสะอาด อย่าได้ท้าทายกับความอดทนของลูกค้าเป็นอันขาด

้*ความสะอาดถูกสุขลักษณะของห้องน้ำ
ห้องน้ำก็มีผลต่อการดำเนินกิจการร้านกาแฟในระยะยาวด้วยเช่นกัน ร้านกาแฟต้องมีการตกแต่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ หรือบรรยากาศภายในห้องน้ำ และที่สำคัญเรื่องความสะอาดคือหัวใจหลักของห้องน้ำ หากปกิบัติได้ดังนี้ มั่นใจได้เลยว่าถ้าลูกค้า กลับมาที่ร้านอีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะการสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ได้ใช้ห้องน้ำที่สะอาดถูกสุขอนามัย จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพอใจมากอีกด้วย

ให้บริการตามกระแสนิยม
ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟกับอินเตอร์เนตไร้สาย นับวันจะยิ่งเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น คนทั่วไปมักจะอาศัยร้านกาแฟใน การเจรจาการค้าหรือคุยธุระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านที่อยู่บริเวณตึกสำนักงานขนาดใหญ่ ย่านการค้า หรือเขตการ ศึกษา ในบริเวณเหล่านี้จะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนทำงานและนักเรียน นักศึกษาเป็นหลัก อัตราการใช้อินเตอร์เนตสูงมาก ดังนั้นการเปิดร้านกาแฟจึงไม่อาจมองข้ามการให้บริการอินเตอรเนตไร้ลายไปไม่ได้เลย

ในมุมมองของเจ้าของร้าน หากลูกค้าคนหนึ่งนั่งอยู่ในร้าน 2-3 ชั่วโมง สั่งเิืครื่องดื่มเพียงถ้วยเดียว ก็คงจะไม่เป็นผล ดีต่อกิจการมากนัก ดังนั้นการจะติดตั้งบริการอินเตอร์เนตแบบไร้สายหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจลำบากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในยุคอินเตอร์เนทไร้สาย ร้านกาแฟที่ให้บริการอินเตอร์เนทไร้สายนับวันจะยิ่งมีมากขื้นเรื่อยๆ แล้วร้านกาแฟของคุณจะทำตาม กระแสนิยมหรือไม่ ก็เป็นจุดสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่จะต้องพิจารณา

มีกิจกรรมด้านศิลปะหรือดนตรีร่วมด้วย
นอกจากจะจำหน่ายกาแฟรสอร่อยแล้ว เสียงเพลงอันไพเราะและบรรยากาศที่อบอุ่นแล้ว ร้านกาแฟยังเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด ในการพูดคุยและติดต่อสื่อสารระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้าอีกด้วย เช่น นอกจากจะมีข่าวคราวด้านศิลปะแล้ว ยังอาจจะมี กิจกรรมการพบปะกันอย่างเช่น งานนิทรรศการ คอนเสิร์ต การแสดงดนตรี อาจจะมีกำหนดการที่ แน่นอนหรือถือตามแต่ โอกาสก็ได้ ซึ่งจะสามารถดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมเหล่านี้ได้อีก ด้วย

ยกตัวอย่างเช่น การรวมกลุ่มคนที่รักการวาดรูปกลุ่มหนึ่ง แล้วจัดกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำทุกๆ เดือน โดยจะมีการนำภาพวาด ใหม่ๆ มาแสดง ซึ่งก็เป็นเหมือนการตกแต่งร้านกาแฟไปด้วยและยังสามารถดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบ งานศิลปะให้มาใช้บริการ ที่ร้านได้อีกด้วย หรือจัดให้มีการจัดแสดงดนตรีขนาดเล็กทุกๆ สัปดาห์ สัปดาห์ละหนึ่งวัน สาเหตุแรกก็ เพราะความชอบดนตรีของเจ้าของร้าน และสองก็เพื่อเพิ่มความหลากหลายของกิจการร้านกาแฟ และยังมีเจตนาที่จะ ดืงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ร้านกาแฟอีกทางหนึ่งด้วย